2.27.2555
want to write :)
ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เหมือนกันแฮะ
อะไรๆผิดกับที่ตั้งใจไว้มากตั้งเเต่มาอยู่ที่ญี่ปุ่น
ตั้งใจว่าคงได้เขียนอะไรเยอะเเยะ เพราะว่าว่าง
แต่เอาจริงๆแล้วกลับไม่ได้เขียนอะไรเลย
เนื่องจากการเขียนจะต้องใช้เวลาหมกตัวเงียบๆ
อยู่ในห้องกับตัวเองเป็นเวลานาน
ซึ่งคิดว่าการทำสิ่งนั้น เป็นการเสียเวลา
หนึ่งปีที่มีค่าของตัวเองในต่างบ้านต่างเมือง
มากเกินไปสักหน่อย
แต่ว่าตั้งเเต่มาก็ได้วาดรูปเยอะ
ได้มีเวลาจับดินสอปากกามาขีดๆเขียนๆ
ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น ว่ากูก็ทำได้นี่หว่า
เอาจริงๆการอยู่ในคณะสถาปัตย์เป็นดาบสองคม มีทั้งดีเเละไม่ดี
จริงอยู่เราได้เห็นของสวยๆงามๆ เห็นลายเส้นมากมายหลายแบบ
แต่ยิ่งเราเห็นมากๆ ก็เหมือนจะยิ่งหาตัวตนของเราไม่เจอ
จะวาดคล้ายแบบนี้ ก็กลัวเค้าว่าเลียนแบบ
จะทำอะไรแบบนั้น ก็มีคนทำไปเสียแล้ว
หรือจริงๆมันเป็นแค่เราที่คิดเยอะไป..
เราไม่เคยเห็นข้อดีของตัวเอง
เพราะรอบๆมีเเต่คนเก่งๆ
และก็คิดไปเองว่าเขาเหล่านั้นมีดีกว่าเรา
ขณะที่เขียนอยู่นี่ก็ได้เเต่คิดว่าเพื่อนๆกำลังจะเรียนจบกันเเล้ว
กลับไปที่คณะอีกทีก็คงไม่เจอบรรยากาศที่คุ้นตาเเล้ว
โลกกำลังหมุนไปเรื่อยๆไม่เคยหยุด บางอารมณ์ก็กลัว
กลัวว่าจะเดินตามใครๆเขาไม่ทัน
กลัวต้องอยู่คนเดียว
เป็นคนขี้เหงาที่ชอบอยู่คนเดียว แปลกไหม..
แต่การได้มาอยู่ที่นี่หนึ่งปีนับว่าคุ้มมาก และทำให้รู้สึก
ว่าตัวเองเป็นเด็กลงในมุมหนึ่ง และเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในอีกมุมหนึ่ง
กลับไปเรียนเหมือนตอนมัธยม ไม่ต้องเครียด ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ
คิดว่าค้นพบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เเล้วว่าจริงๆชอบเรียนภาษามาก
การวาดรูปทำได้เป็นงานอดิเรก :)
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเลือกคณะผิดแต่อย่างไร
เพราะถ้าไม่มีคณะนี้ วันนี้ก็คงยังไม่พบตัวเอง
ที่คิดอะไรแบบนี้ ที่มองโลกในองศานี้
อีกด้าน
ยังคงเป็นคนฟูมฟายเหมือนเดิม
ยังคงเป็นคนที่เอาหัวใจเป็นใหญ่
มีชีวิตวนเวียนกับความรัก เหงา เศร้า แบบเดิมๆ
แต่คิดว่าตัวเองเข้าใจโลกมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น
(พยายาม) เข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น และลุกขึ้นยืนเอง
หลังจากหกล้ม ได้เร็วขึ้น.
รูปวาดเล่นในคลาสที่ชอบที่สุด ไม่มีเหตุผล.
เพลงที่ชอบที่สุดช่วงนี้ ไม่มีเหตุผล.
2.25.2555
you win
อยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างจัดวางเหมือนเดิม
ทั้งๆที่มันเป็นห้องๆเดิม แต่กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ไม่ว่าจะหอบเอาอาหารเข้ามากินกี่ครั้ง
ทาเล็บ ล้างเล็บ ฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฟุ้งไปกี่หน
ก็ไม่รู้ทำไมยังคงได้กลิ่นนั้น วนเวียนอยู่ที่ตรงนี้เสมอ
กลิ่นของอ้อมกอดของเธอ..
เธอที่เดินเข้ามาเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
เธอที่ทำให้ทุกอย่างในโลกเหงาๆของฉันดูผิดเพี้ยนไปหมด
เธอที่เหมือนจะอยากรักกัน แต่สุดท้าย...
เธอคนนั้นก็คงคิดได้ว่าตัวเองแค่เผลอใจ
ก่อนนั้นเธอทำทุกอย่างแบบที่คนรักเขาทำกัน
เธอมีของขวัญมาให้ ชวนไปกินข้าว ดูหนัง
มาหาเวลาว่าง ส่งข้อความมาเมื่อตื่นนอน
ชวนคุยยันดึกดื่น เธอทำให้ฉันที่ไม่คิดอะไร
รู้สึกดีไปกับทุกสิ่ง..
ฉันจึงชวนเธอคุย ส่งข้อความไปหาเวลาว่าง
ชวนไปกินข้าวบ้าง ทำโน่นทำนี่ให้ ทำอยู่อย่างนั้น
จนวันหนึ่งที่เธอเดินเข้ามาบอกว่า
พอเถอะ... เราเป็นเเค่เพื่อนกัน
สิ่งที่เธอทำมันเหมือนว่าเราเป็นคนรัก
และฉันเหนื่อยกับการตอบรับความรู้สึกนั้นเเล้ว
ฉันเหนื่อยกับการส่งข้อความ มาหาทุกเวลา
เหนื่อยกับการที่เราตัวติดกัน
ฉันคิดว่ามันเร็วไป
และมันเกินไปแล้ว..
เหรอ..
ฉันไม่รู้ว่าฉันผิดอะไร
หรือเธออาจจะได้ทุกอย่างเเล้วที่เธอต้องการ
ได้หัวใจของผู้หญิงที่ดูก๋ากั่น แข็งกร้าว
ได้ความสนใจ ได้ความไว้ใจ
ได้อ้อมกอด ได้รอยจูบ
เธอพอแล้วใช่ไหม..
ยินดีด้วยนะ
เกมนี้เธอชนะแล้ว :)
5.20.2554
-give and take-
cozy morning at hostel :)
5 days ago, I found a new friends at my hostel in Singapore :)
He's very fresh, powerful, and always had a friendly smile to me.
4 days ago, we had a great conversation in the night.
He's just 27, 5 years older than me, but seems like he see everything
so clear. I love his attitude, both to himself and to this world, and he
empowered me exactly. When we talked, I really saw the star shining
in his eyes. He has a clear goal in the life and help me to see mine better. :)
3 days ago I left the note to thank him and went back to BKK.
Today, he send me his blog url. He wrote about my note,
and that give me tons of pleasure !
http://greatway-attitude.blogspot.com/2011/05/power-of-handwritten-thanks-you-note.html
I used to write many thanks notes for my good friends. Some giving we
can do easily without losing anything, so, why don't? This little thing's
always be my happiness, just guess how the reciever react with my
writing. But today, when I read that blog, I know somethings more..
We'll happy when we give..
will feel more happy to heard 'thank you'
but the best is when we know our little things
have some meaning to the reciver.
today I get that feeling
thanks destiny giving me a good friends
:)
1.07.2554
singlepore
ทำให้รู้ว่าความเหงา
เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง :)
วิวสิงคโปร์ เมืองที่สวยด้วยแสงไฟ.
ท่าน้ำหลังโรงเเรม marina sand. คืนวันคริสต์มาส
นั่งหย่อนขารับลมสบายๆ เวลาห้าทุ่ม
ไม่ได้เขียนอะไรลงบนบล๊อกนานมาก ทั้งที่เข้ามาดูบ่อยๆ
มีเรื่องอยากเขียนมากมาย แต่ไม่ได้เขียนอะไรเลย
เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรก่อนดี :p
9.12.2553
ไม่เป็นไรมั๊ง.
รูปนี้สวยดี เพื่อนที่คณะ(มะลิ)ถ่ายให้ตอนรอเล่นรักบี้
พักนี้ชอบกดตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาตื่นจริงๆสองสามชั่วโมง
กดนอนต่อ แล้วรู้สึกไปเองว่าได้นอนนานขึ้น
บางครั้งคนเราก็หลอกลวงแม้กระทั่งตัวเอง
แต่ถ้ามันทำให้สบายใจแล้วไม่เดือดร้อนใคร
ก็คงไม่เป็นไรมั๊ง.
อยากมีเวลาสำหรับตัวเองมากกว่านี้อีกนิด.
8.24.2553
กราฟิติบนชั้นสี่
เดินผ่านไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน mobf บนชั้นสี่สยามดิสคัฟเวอรี่ รู้สึกว่ามีบรรยากาศอะไรน่ารักๆซ่อนอยู่ในที่ตรงนี้เยอะเลย เห็นงานแบบนี้ในบ้านเราแล้วคิดถึง Bangsy อยากให้กรุงเทพฯมีคนแบบนี้สักคน ใครก็ได้ช่วยเอา art ไปใส่ไว้ตามถนน ซอกตึก หรืออะไรก็ได้ให้ที จะใส่ความกล้า บ้าบิ่นยังไงก็เอาให้พอใจ ขอแค่เติมความสร้างสรรค์ที่มากกว่าการด่าพ่อล่อแม่ ข่มทับสถาบันกันลงไปซักนิดก็พอ
แล้วเราคงสนุกกับการออกไป 'เดินเล่น' มากขึ้นเยอะเลย :)
8.15.2553
จุดเล็กๆ
วางกล้องไว้บนโต๊ะแล้วพอดีเหลือบไปเห็น ถุงใสสะท้อนแสงสวยดี
นั่งทำงานแล้วไม่ได้งาน ช่วงนี้เป็นช่วงใจลอย ฤดูฝนทีไรจะเป็นแบบนี้เรื่อยเลย เหมือนมีเรื่องอยากเล่าแต่คิดไม่ออก เหมือนมีอะไรที่อยากเขียน แต่มันยังไม่จับรวมกันเป็นก้อนตัวหนังสือ ทุกอย่างลอยไปลอยมาอยูในหัว กำลังรู้สึกว่าหัวตัวเองเป็นกลายก้อนบอลลูนไปทีละนิด ทีละนิด
ไม่ได้งาน หยิบกล้องไปแนบกระจกแล้วถ่ายรูปดีกว่า
บางทีก็นึกสงสัยว่าการที่คนๆนึงนั่งเฉื่อยๆ ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องผิดรึเปล่านะ ใครๆก็ชอบบอกให้ใช้เวลาว่าง (และไม่ว่าง) ให้เป็นประโยชน์ แต่แบบไหนที่เรียกว่าเป็นประโยชน์ล่ะ อันนี้ไม่เคยมีใครสอน สำหรับเราการนั่งเฉื่อยๆ เป็นอาหารอารมณ์อย่างนึง เรียกว่ามีประโยชน์หรือเรียกว่าข้ออ้างที่ดีล่ะ.
เวลาที่มองออกไปเห็นวิวกว้างๆ ในหัวโล่งๆ เรามักจะไปจินตนาการถึงกิจกรรมเล็กๆที่เกิดขึ้นตรงนั้น อาจมีคนกำลังเลี้ยงลูกอยู่ในคอนโด พนักงานทำโอทียังไม่เลิก มีคนจู๋จี๋กันในสวนสาธารณะ แม่บ้านที่อยู่ปิดออฟฟิศเป็นคนสุดท้าย คนหงุดหงิดบนถนนที่มีรถติด ยามง่วง... ตอนเด็กๆสมัยที่ยังไม่เคยนั่งเครื่องบิน เวลาที่เครื่องบินบินผ่านหัวแล้วมีไฟวิบๆ เราจะชอบคิดถึงคนที่อยู่บนนั้น รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตื่นเต้นที่มี 'คนบนฟ้า' อยู่จริงๆ รู้สึกดีเวลาที่จินตนาการว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ มีชีวิตแบบไหน แล้วในทางกลับกัน คนบนฟ้าจะจินตนาการกลับมาถึงชีวิตยุกยิกอีกเป็นล้านๆที่อยู่บนพื้นบ้างรึเปล่า.
เวลาเห็นเมืองจากมุมสูงแล้วรู้สึกว่าโลกกว้างจัง ถึงจะมีอินเตอร์เน็ต มีโทรศัพท์ หรือเทคโนโลยีอะไร สำหรับเราโลกก็ไม่เคยแคบลงเลย ยังมีที่ที่ไกลแสนไกลที่เรายังอยากไปให้ถึงเสมอ ถึงเห็นร้อยครั้งในอินเตอร์เน็ต ก็ไม่เคยรู้สึกว่ารู้จักมันเลย เราคงเป็นพวกยึดติดกับอะไรโบราณอยู่ประมาณนึง.
เวลาคิดเรื่องพวกนี้ สุดท้ายก็จะจบลงที่คำถามว่า มีใครกำลังทำแบบเดียวกันอยู่บ้างรึเปล่า เราว่าในเวลาเดียวกัน โลกต้องมีคนทำเรื่องแบบนี้ในเวลาพร้อมๆกันอยู่บ้างแหละ แล้วถ้าได้เจอคนที่คิดอะไรแบบนั้นเหมือนกัน คงมีเรื่องให้อยากคุยเยอะเลย :)